เป็นเสมือนที่สิงสถิตของวิญญาณบรรพบุรุษ และผีปะกำ ตามความเชื่อของชาวกูย นิยมปลูกสร้างไว้ในชุมชนคุ้มบ้าน หรือที่บ้านของทายาท ฝ่ายบิดา มีลักษณะเป็นเรือนไม้ คล้ายหอสูง มีเสาสี่ต้น หันหน้าไปทางทิศเหนือ ณ ตำแหน่ง ที่เงาบ้านไม่ตกทับตัวศาลและเงาศาลไม่ตกต้องตัวบ้าน ศาลปะกำใช้เป็นที่เก็บรักษาหนังปะกำ เพื่อความเป็น สิริมงคล และเสี่ยงทายผลที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินกิจกรรมนั้นๆ
การเซ่นผีปะกำ จะกระทำโดยหมอช้างอาวุโส เจ้าของบ้านและญาติ พี่น้อง นำของเซ่นไหว้ ไปยังศาลปะกำ จุดเทียนแล้ว อัญเชิญผีปะกำ และวิญญาณบรรพบุรุษรับเครื่องเซ่นไหว้ พร้อมกับขอพรเพื่อให้มีโชคลาภในกิจการ นั้นๆ ในการเซ่น ผีปะกำ บุคคลอื่นห้ามขึ้นโดยเด็ดขาด และโดยเฉพาะสตรีห้ามแตะ ต้อง หนังปะกำ เด็ดขาดดังนั้น ผู้เข้าร่วม พิธีจึงต้องนั่งอยู่ที่พื้น ล้อมรอบศาลปะกำ
ตามปกติชาวกวยเลี้ยงช้างจะทำ พิธีไหว้ศาลปะกำประจำตระกูลทุกปี ก่อนออกคล้องช้าง บรรดาหมอและควาญช้าง จะนำอุปกรณ์เครื่องจับช้าง พร้อมเสบียงทั้งหมดออกจากบ้านไปยังจุดนัดพบโดยพร้อมเพรียงกัน ทุกคนต้องอยู่กรรมเป็นเวลา 3 วัน 3 คืน ไม่กลับเข้าบ้านอีก ซึ่งจะมีการเซ่นไหว้ผีปะกำและต้องปฏิบัติตามข้อห้ามอย่างเคร่งครัด ทบทวนข้อปฏิบัติไม่ให้ตกหล่นด้วยภาษาผี (ภาษาผีปะกำ เป็นภาษาที่หมอและควาญช้างพูดกันขณะอยู่ป่า) ตรวจสอบตำแหน่งของแต่ละคนให้ถูกต้อง เวลาทุกคนจะกราบไหว้ระลึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์และนอนหันหัวไปทางครูบาหรือ ปะกำหลวง ถ้าหมอช้างคนใดหมดความอดทน หรือไม่แน่ใจว่าตนจะแคล้วคลาดขณะอยู่ป่าจะถอนตัวก็ได้ สถานที่ที่ชาวกูยสุรินทร์ใช้ประกอบพิธีสำคัญนี้ คือ บริเวณศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนปัจจุบัน
เวลาเซ่นไหว้ บรรดาหมอและควาญช้างจะนำหนังปะกำมาวางกองรวมกันเป็น 3 กอง คือ หนังปะกำของครูบาอยู่ตรงกลาง เรียกว่า ปะกำหลวง กองปะกำสดำอยู่ทางขวา ของหมอเสดียงอยู่ทางซ้าย แล้วจัดวางเครื่องเซ่นประกอบ ครูบาหรือปะกำหลวงก็จะเริ่มพิธีเซ่นไหว้ และมีการอธิษฐานเสี่ยงทายโดยใช้คางไก่ เมื่อเดินทางถึงชายป่าก็จะมีพิธี "เบิกไพร" เป็นพิธีเปิดป่า หมอเฒ่าบางท่านเล่าว่า หากเซ่นไม่ดีพลีไม่ถูก ป่าจะไม่เปิด ลักษณะป่าปิด คือ อากาศมืดครึ้ม ฝนตกหนัก ไม่มีแสงอาทิตย์ ไม่เห็นสัตว์ป่า ไม่พบรอยเท้าสัตว์ จำทิศทางไม่ได้ พิธีนี้เป็นการของอนุญาตเจ้าป่าเจ้าเขาและขอช้างตัวงาม ๆ
เมื่อเดินทางเข้าป่าลึกพอสมควร ครูบาจะเลือกชัยภูมิที่เหมาะสม มีน้ำหญ้าอุดมสมบูรณ์เป็นที่ตั้งค่าย โดยปลูกเป็นปะรำหรือเพิง มีความแข็งแรงพอสมควร แต่ละคนอยู่ในทิศทางและทำพิธีที่ถูกต้องตามตำราคชศาสตร์ ก่อกองไฟขึ้น 3 กอง เป็นกองไฟศักดิ์สิทธิ์ กองตรงกลางเรียก กำพ้วดเจิง เป็นกองไฟของครูบา กองทางซ้ายเรียก กำพ้วดเสดียง เป็นกองไฟของหมอเสดียง
นอกจากนี้ยังมีพิธี ปะสะ เป็นพิธีล้างมลทินหรือล้างบาป ในกรณีผู้ประพฤติละเมิดข้อห้ามก่อนได้ฤกษ์จับช้าง โดยครูบาจะเป็นผู้ประกอบพิธีแก่ผู้ทำผิด โดยมีเครื่องสะเดาะเคราะห์และต้องเสียเงินค่าปรับ หากหมอหรือควาญทำผิดข้อละเมิดข้อใดข้อหนึ่ง จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมในการจับช้างเป็นอันขาด เว้นเสียแต่จะได้รับการล้างมลทินแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น